ผงชูรสหรือผงชูโรค


      ทุกท่านคงรู้จัก "ผงชูรส" กันเป็นอย่างดีแล้ว แต่เชื่อ
ว่าหลายท่านคงจะไม่ทราบว่าผงชูรสที่เราทานกันนั้น

ผลิตจากอะไร และมีผลต่อร่างกายเราอย่างไร วันนึ้
เราจะมาทำความรู้จัก"ผงชูรส"กันครับ


 ผงชูรส (โมโนโซเดียมกลูตาเมต) ตัวโซเดียมผลิตมาจากโซดาไฟ (โซเดียมไฮดรอกไซด์) และ กลูตาเมตนั้น นักวิทยาศาสตร์ต่างประเทศพบปัญหาพิษวิทยามาราว ๔๐ กว่าปีแล้วว่าเกลือกลูตาเมต นั้น เป็นสารก่อมะเร็ง


ผงชูรสหรือผงชูโรค

ผงชูรสฆ่าคน!!!!
เพื่อนๆทราบไหมครับว่า ในการผลิตผงชูรสทั้งแบบก้อนและแบบผงในประเทศไทยใช้แป้งมันสำปะหลังและกากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบหลัก แต่แหล่งข่าวยืนยันว่ามันมีอะไรแปลกๆ มากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่มาจากกระดูกสัตว์ อย่างกระดูกวัว กระดูกควาย โซดาไฟ และปุ๋ยยูเรีย ก็คิดดูว่า ทำไมของเหลวที่เหลือจากกระบวนการผลิต ทำไมยังสามารถนำไปขายให้เกษตรกรไปเป็นปุ๋ยน้ำ รดไร่นาจนพืชขึ้นเขียวขจี (แต่กลายพันธุ์ด้วยหรือเปล่าไม่รับรองนะ) สังเกตุดูว่าคนงานในโรงงาน และชุุมชนที่อาศัยอยู่รอบๆ โรงงานผลิตผงชูรสถึงมีอาการอิดโรย ป่วยกระเสาะ กระแสะกันทั้งชุมชน คนที่อยู่โรงงานผลิตผงชูรส เขายังไม่กินผงชูรสเลย แต่ถ้าเขาจะนำผงชูรสผสมน้ำอุ่นแล้วไปขัดห้องน้ำ ขัดหม้อ ที่มีเขม่าดำ ขัดหัวเข็มขัดทองเหลือง ขัดสร้อยเงิน แช่เหรียญเก่า หรือแช่พระกรุ ก็ไม่แน่ เพราะเคยลองขัดดูแล้วเวิร์กมากๆ ท่านผู้อ่านลองดูเองก็ได้นะครับ
ผงชูรสหรือผงชูโรค


จริงๆ แล้วผงชูรส ไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการเลยแม้แต่นิดเดียว
ผงชูรส มีประโยชน์เพียงทำให้อาหารมีรสชาติโดยรวมดีขึ้น (ต้องใส่ในปริมาณเหมาะสม คือ ประมาณร้อยละ 0.1 - 0.8 โดยน้ำหนักตัว)

อันตรายของผงชูรสถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ

1).พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากเกลือโซเดียม กล่าวคือผงชูรสมีโซเดียมที่มาจากโซดาไฟ เป็นองค์ประกอบสำคัญเช่นเดียวกับเกลือแกง แต่อันตรายมากกว่าเกลืองแกงตรงที่ว่าเกลือแกงใช้เพียงนิดเดียวก็รู้สึกว่ามีรสเค็ม แต่ผงชูรสใส่มากเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกตัวว่ามีปริมาณโซเดียมมากเท่าไหร่ เพราะไม่มีรสเค้าให้รู้สึก หรือพูดอีกนัยหนึ่งผงชูรสมีพิษแฝงในเรื่องโซเดียม ซึ่งมีพิษภัยอันตรายดังนี้

1.1) ทำให้ภูมิต้านทานหรือภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ลดลง ถึงแม้ผงชูรสจะไม่ทำให้ใครเป็นเอดส์ แต่มันทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่อง ยิ่งถ้าคนป่วยเป็นเอดส์มาทานอาหารทีาใส่ผงชูรสยิ่งทำให้ตายเร็วกว่าที่ควรเป็นครับ

1.2) ทำให้เกิดการคลั่งในสมองเด็ก ซึ่งเมื่องเด็กโตขึ้นจะเป็นคนปัญญาอ่อน ในปัจจุบันมีเด็กปัญญาอ่อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่มีผงชุรสแพร่หลายในประเทศไทย ผงชูรสทำให้เด็กทารกเกิดอาการชักโคม่า ซึ่งบางครั้งแพทย์ไม่รู้สามเหตุ อาจทำให้รักษาผิดพลาดเป็นอันตรายได้ นอกจากนี้ยังเป็นภัยต่อหญิงมีครรภ์ ทำให้ร่างกายบวมและยังมีพิษภัยต่อทารกในครรภ์และทารกแรกเกิดด้วย

1.3) ผงชูรสเป็นอันตรายต่อผู้เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ อาทิ เช่น โรคไต ความดันสูง และโรคหัวใจเป็นต้น

ผงชูรสหรือผงชูโรค

2.)พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากตัวผงชูรสแท้ ส่งผลดังนี้

2.1)ทำให้เกิดอาการแพ้ผงชูรส ซึ่งจะมีอาการชา และร้อนวูบวาบที่ปาก ลิ้น ใบหน้า โหนกแก้วต้นคอ หน้าอก บางคนมีผื่นแดงเกิดขึ้นตามตัว แน่นหน้าอก หัวใจเต้นช้าลง หายใจไม่สะดวก เป็นต้น จนเป็นที่รู้จักและขนานนามโรคแพ้ผงชูรสในภัตตาคารจีน

2.2)ทำลายสมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโตและระบบสืบพันธุ์ของร่างกาย ทำให้เจริญเติบโตช้าปัญญาอ่อน ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ เป็นหมัน อวัยวะสืบพันธุ์เล็กลง ทั้งในเรื่องของขนาดและน้ำหนัก

2.3)ทำลายระบบประสาทตา สายตาเสียหรือเกิดตาบอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัตว์ทดลอง ยิ่งอายุน้อย จะยิ่งเกิดผลร้ายมาก

2.4)ทำลายกระดูกและไขกระดูก ซึ่งเป็นส่วนที่ผลิตเม็ดเลือดแดงในร่างกาย ทำให้โลหิตจางได้

2.5)ทำให้วิตามินในร้างกายลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินบี 6 (แก้โรคแพ้ผงชูรสได้)

2.6)เกิดโรคมะเร็ง

2.7)ทำลายระบบประสาทส่วนกลางทำให้เป็นโรคประสาทได้ง่ายขึ้น

2.8)เปลี่ยนแปลงโครโมโซม ทำให้ผิดปกติ ปากแหว่ง หูแหว่ง และจมูกวิ่น แขนขาพิการ เป็นต้น

แต่ถึงเห็นพิษภัยขนาดนี้ประชาชนตาดำๆ อย่างเราคงจะหลีกเลี่ยงผงชูรสได้ยาก เพราะตั้งแต่ภัตตาคารใหญ่ๆ จนไปถึงร้านข้างถนนยังขาดความรู้เรื่องโทษจากผงชูรส เรามาเริ่มต้นจากบ้านของเรา และช่วยกันรณรงค์เรื่องพิษภัยของผงชูรสกันดีกว่าครับ

ขอบคุณข้อมูลที่ดีมีประโยชน์จาก หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ
คอลัมม์ ภาคภูมิ ชวนคิด
โดย ดร.ภาคภูมิ เตชสกุลฤทธิ์
http://www.thanonline.com

-------------------------------------------------
ขอบคุณที่ไลค์และแชร์เพื่อแบ่งปันสิ่งดีๆ

#ผงชูรส #ยาพิษ #ผงชูโรค #สารปรุง #MSG


© khayanpost-ขยันโพสต์

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.